ผู้ประกอบการสามารถเผชิญกับปัญหาทางการเงินที่หลากหลายซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อผลกำไรของธุรกิจและแม้กระทั่งการอยู่รอดในระยะยาว ปัญหาทางการเงินบางอย่างอาจเกิดจากปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้เช่นเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวหรือคู่แข่งรายใหม่เข้ามาใกล้ ปัญหาอื่น ๆ อาจเกี่ยวข้องโดยตรงกับวิธีการที่ผู้ประกอบการเลือกที่จะดำเนินธุรกิจ
การจัดหาเงินทุน
การรับเงินทุนสำหรับธุรกิจอาจเป็นเรื่องยากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแรกเริ่ม ธนาคารลังเลที่จะให้ยืมเงินกับธุรกิจใหม่และนักลงทุนที่มีศักยภาพอาจหลีกเลี่ยงผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ทางธุรกิจน้อยหรือไม่มีเลย แผนธุรกิจที่เขียนขึ้นอย่างดีมีความสำคัญเมื่อพยายามโน้มน้าวให้ผู้ให้กู้และนักลงทุนทราบว่าคุณรู้ว่าคุณกำลังทำอะไรและคิดในความคิดของคุณอย่างรอบคอบ แหล่งเงินทุนอื่น ๆ ที่เป็นไปได้ ได้แก่ สินเชื่อหรือเงินช่วยเหลือจาก Small Business Administration หรือแม้กระทั่งการยืมจากเพื่อนและสมาชิกในครอบครัว
กระแสเงินสดติดลบ
กระแสเงินสดหมายถึงจำนวนเงินที่เข้ามาในธุรกิจโดยวิธีการเช่นรายได้จากการขายเมื่อเทียบกับจำนวนที่ออกจากธุรกิจในรูปแบบของค่าใช้จ่าย บริษัท ที่เริ่มต้นอาจมีปัญหาในการพัฒนาและรักษากระแสเงินสดที่เป็นบวกโดยเฉพาะในช่วงแรกเมื่อพวกเขายังไม่ได้สร้างฐานลูกค้าประจำ การใช้เงินมากเกินไปกับสิ่งต่าง ๆ เช่นค่าเช่าและเงินเดือนพนักงานสามารถสร้างกระแสเงินสดที่เป็นลบได้
กองทุนการตลาดที่ไม่เหมาะสม
ผู้ประกอบการอาจถูกล่อลวงให้ใช้จ่ายเงินในสื่อโฆษณาราคาแพงเช่นโทรทัศน์โดยคิดว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเข้าถึงคนจำนวนมาก ด้วยการทำเช่นนั้นพวกเขาอาจไม่สามารถเข้าถึงตลาดเป้าหมายที่ต้องการทำให้โฆษณาไม่ได้ผล ในทางตรงกันข้ามเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กบางคนอาจรู้สึกว่าพวกเขาไม่สามารถใช้จ่ายเงินจำนวนมากในการตลาดส่งผลให้มีคนไม่กี่คนที่ได้ยินเรื่องนี้ทำให้ยากต่อการสร้างฐานลูกค้าที่ยั่งยืน
ความคุ้มครองประกันภัยไม่เพียงพอ
ความพิการทางการแพทย์ของเจ้าของธุรกิจหรือการเรียกร้องหนี้สินจำนวนมากอาจทำให้ธุรกิจเสียหาย เจ้าของธุรกิจบางรายอาจเลือกที่จะทำโดยไม่มีรายการเช่นประกันสุขภาพความพิการหรือความรับผิดเพื่อรักษาค่าใช้จ่ายให้น้อยที่สุด อย่างไรก็ตามการทำเช่นนั้นอาจทำให้ธุรกิจมีความเสี่ยงสูง ตามหลักการง่ายๆแล้วเจ้าของธุรกิจควรทำประกันให้เพียงพอเพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายใด ๆ ที่พวกเขาไม่สามารถจ่ายได้จากกระเป๋าของตัวเอง